กฏ 50/50 ทำอย่างไรให้ยังจำสิ่งที่เราเรียนได้นานๆ

กฏ 50/50
ทำอย่างไรให้ยังจำสิ่งที่เราเรียนได้นานๆ

การจะจำบางสิ่งได้ดีเกิดได้จากทั้งการทำซ้ำ

และการหาความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ใหม่กับข้อมูลที่มีอยู่ก่อนแล้ว

จุดมุ่งหมายในการเรียนรู้หรือจดจำสิ่งหนึ่งๆได้ก็คือการจะนำความรู้นั้นมาใช้ได้เมื่อยามจำเป็น

แต่เคยเป็นกันไหมครับที่เวลาจำเป็นต้องใช้ความรู้เหล่านั้นแล้วนึกยังไงก็นึกไม่ออก

นั่นเป็นเพราะว่าเราจะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆในสมองของเราได้ง่ายก็ต่อเมื่อเรามีการเชื่อมโยงและช่องทางไปสู่ข้อมูลนั้นที่ดีพอ พูดง่ายๆก็คือเราจะต้องคิดถึงสิ่งนั้นๆให้บ่อยมากพอที่สมองจะสามารถสร้างความเชื่อมโยงกับมันได้ นั่นจะทำให้การจดจำสิ่งนั้นๆดีขึ้น และสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น

ดังนั้นกฏ 50/50 จะมาช่วยเราได้!

Mortimer Adler กล่าวไว้ว่าใครที่บอกว่าเขารู้สิ่งที่เขาคิด แต่เขาอธิบายมันออกมาไม่ได้นั้นมักจะไม่ได้รู้จริงๆว่าตัวเองคิดสิ่งใด

กฏ 50/50 ก็คือการเรียนครึ่งหนึ่ง สอนอีกครึ่งหนึ่งนั่นเอง

เช่น แทนที่จะอ่านบทเรียนทั้งบท ให้ลองอ่านมันเพียงแค่ 50% แล้วลองอธิบายให้เพื่อนฟัง หรือเขียนประเด็นสำคัญๆที่เราได้รู้จากกรอ่านนั้น ก่อนที่จะอ่านในส่วนต่อไป

สมองของเราก็เหมือนกับกล้ามเนื้อ ยิ่งเราออกกำลังมากเท่าไร มันก็จะยิ่งแข็งแรงและดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากไม่ให้สมองทำงานเลย ความทรงจำต่างๆก็จะค่อยๆเลือนลางไปได้

มีงานวิจัยหนึ่งกล่าวไว้ว่า นักศึกษาจะสามารถจดจำประมาณ 90% ของสิ่งที่เรียนได้ เมื่อพวกเขาได้อธิบายหรือสอนสิ่งเหล่านั้นให้กับคนอื่น หรือได้ใช้ความรู้เหล่านั้นทันทีหลังจากได้เรียน ขณะที่เราได้สอน สมองของเราก็จะได้เรียนรู้ไปด้วย

ไม่ต้องกังวลหากเราไม่ได้อธิบายมันอย่างผู้เชี่ยวชาญ หรือจะมีคนฟังเราสอนมากน้อยเพียงใด เพราะจริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องมีคนมาฟังเราสอนเลยก็ได้ ลองปรับมาเป็นการเขียนสรุปด้วยตัวเองหลังการอ่านไป 50% ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อ่านหนังสือแล้วเจออะไรดีๆ หรือแม้กระทั่งการฟังอะไรสักอย่างที่ช่วยเปลี่ยนความคิดเราไปได้อย่างสิ้นเชิง ให้ลองสละเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจดสิ่งที่คุณจำได้เหล่านั้นลงไป เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สมองจดจำเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว

พฤติกรรมเหล่านี้นักจิตวิทยาเรียกมันว่า “Testing Effect”

ในหนังสือเล่มหนึ่งของ Daniel Coyle ได้อ้างอิงงานวิจัยหนึ่งว่า เมื่อเปรียบเทียบนักเรียนที่อ่านหนังสือ 10 หน้าแล้วปิดหนังสือ และทำการสรุปเนื้อหา 10 หน้านั้นให้ได้ 1 หน้ากระดาษ กับอีกกลุ่มที่นักเรียนอ่านบทเรียน 10 หน้านั้นติดต่อกัน 4 รอบและพยายามจดจำมันโดยการอ่านเพียงอย่างเดียว พบว่านักเรียนกลุ่มแรกที่ทำการจดสรุปจะสามารถจำบทเรียนได้มากกว่ากลุ่มที่อ่านอย่างเดียวถึง 50% เลยทีเดียว เพราะว่าการปิดหนังสือและจดสรุปเนื้อหาเองเป็นการบังคับให้เราหาประเด็นสำคัญของเรื่องนั้นๆ อีกทั้งมีการจัดระบบความคิดและทำการเขียนมันลงมาในกระดาษ

และนักวิจัยยังพบว่าการจดโดยเขียนลงบทกระดาษจะช่วยในการสร้างความเชื่อมโยงของระบบสมองกับข้อมูลที่เราได้รับ มากกว่าการพิมพ์สรุป เพราะว่าการเขียนจะต้องใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ที่รวดเร็วมากจนสมองยังไม่ทันได้เกิดการคิดซ้ำในประเด็นนั้นๆเลย

ดังนั้นหากว่าคุณอยากที่จะจดจำบทเรียนหรือสิ่งใหม่ๆที่ได้เรียนรู้ ลองเขียนมันลงบนกระดาษเพื่อบอกเล่าให้ตัวเองได้รู้อีกครั้ง หรือจะอธิบายมันให้เพื่อนๆคุณฟัง และทำการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้

เราจะใช้กฏ 50/50 นี้ได้ในทุกๆการเรียนรู้ใหม่ๆ

ลองทำดูแล้วมาแชร์กันได้ว่าผลลัพธ์เป็นยังไงกันบ้างนะครับ 🙂

อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=rFIK5gutHKM

https://www.goconqr.com/en/examtime/blog/testing-effect-how-self-testing-helps-memory-improvement/

https://medium.com/personal-growth/the-50-50-rule-how-to-retain-and-remember-90-of-everything-you-learn-fa5c99d2543d?fbclid=IwAR1AxngvKfAZKM46OSyvnRXjFr-NSqRVAsQnwc16s80s8JEEksiaAKlCWIA

https://en.wikipedia.org/wiki/Testing_effect

Image By Pixabay

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *